โรคราสีชมพู เป็นอีกโรคหนึ่งที่สร้างความเสียหายให้กับพืชทุเรียน ที่มักจะพบการระบาดในช่วงหน้าฝน หรือช่วงที่มีฝนตกชุกที่สภาพอากาศมีความชื้นสูง มักจะพบการระบาดในพื้นที่ปลูกทุเรียนแถบจันทบุรี ระยอง และพื้นที่ปลูกทุเรียนในภาคใต้ เช่น ชุมพร สุราษฎร์ธานี เป็นต้น
โรคราสีชมพู (Pink Disease)
เชื้อราสาเหตุ : Corticium salmonicolor
การแพร่ระบาดของโรคราสีชมพู
โรคนี้ระบาดรุนแรงในสภาพอากาศชุ่มชื้น มีปริมาณน้ำฝนสูง มักพบเกิดขึ้นกับต้นทุเรียนที่ขาดการตัดแต่งทรงพุ่มให้โปร่ง โดยเชื้อราจะเข้าทำลายกิ่งทุเรียนที่อยู่ด้านในทรงพุ่มที่แสงส่องไม่ถึง หรือกิ่งที่ซ้อนทับกันซึ่งจะมีความชื้นสะสมที่กิ่งสูง ทำให้เชื้อราเข้าทำลายพืชได้ง่ายขึ้น แต่เมื่ออากาศแห้ง เชื้อราจะพักตัว และเจริญลุกลามต่อไปในฤดูฝนถัดไป เชื้อราระบาดโดยลมและฝน
ลักษณะอาการ
ต้นทุเรียนที่เป็นโรคจะมีอาการใบเหลืองและร่วงหล่น มองดูคล้ายกับอาการที่เกิดจากโรครากเน่าโคนเน่า กิ่งทุเรียนที่ถูกทำลายในช่วงแรกจะพบเส้นใยของเชื้อราลักษณะสีขาวเจริญปกคลุมกิ่งหรือลำต้น เส้นใยจากสีขาวจะเปลี่ยนเป็นสีครีมถึงชมพูอ่อนเริ่มแห้งเป็นขุย เมื่อถากกิ่งที่เชื้อราขึ้นปกคลุมจะพบเนื้อไม้แห้งเป็นสีน้ำตาล
พืชอาศัยของโรคราสีชมพู : ยางพารา เงาะ ขนุน มะม่วง ชา โกโก้ กาแฟ
การป้องกัน
ดูแลรักษาต้นทุเรียนให้โปร่ง อากาศถ่ายเทสะดวก ไม่อับชื้น แต่งกิ่งที่แน่นทีบออก และทำการกำจัดวัชพืชในแปลงปลูกไม่ให้รกทึบ
ในฤดูฝนหมั่นสารวจแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอ หากพบอาการเริ่มของโรคที่กิ่งให้ถากหรือเฉือนส่วนที่เชื้อราเจริญออกให้หมด ถ้าเชื้อราเจริญเข้าไปใต้เปลือกและลุกลามมากให้ตัดแต่งกิ่งที่เป็นโรคออกและนำไปทำลายนอกแปลง
ในกิ่งที่พบการระบาดของเชื้อรา ให้ฉีดพ่นด้วย "ซอร์บา" อัตรา 10 ซีซี ผสมร่วมกับ "เวโล" อัตรา 20 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นให้ทั่วกิ่งและลำต้น ฉีดพ่นทุกๆ 7-10 วัน หรือตามการระบาดของโรค
หมายเหตุ : ไม่ควรพ่นสารป้องกันกำจัดโรคพืชกลุ่มเดียวต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน ควรใช้สลับกลุ่มสาร เพื่อป้องกันการดื้อยาของเชื้อราสาเหตุโรค