กลุ่มโรคเมลาโนส เป็นกลุ่มโรคสำคัญโรคหนึ่งของส้มที่พบระบาดในสวนส้มบ่อยมาก โรคกลุ่มนี้จะทำให้ใบส้มเหลือง หลุดร่วง ต้นส้มทรุดโทรม ผลผลิตลดลง ในแหล่งปลูกส้มบริเวณภาคกลางสามารถพบโรคส้มในกลุ่มนี้ได้ตลอดปีโดยระบาดรุนแรงในส้มเขียวหวาน ส้มตรา(ส้มเช้ง) ส้มโอและมะนาว จะพบในส้มต้นโตหรือมีอายุมากกว่าในส้มต้นเล็กหรือเพิ่งปลูก
กลุ่มโรคเมลาโนส แบ่งเป็น 3 ชนิด
- โรคเมลาโนส เชื้อรา Diaporthe citri ที่เป็นสาเหตุโรค จะเข้าทำลายส้มได้ทั้งที่ใบ กิ่ง และผล แต่จะมีความรุนแรงมากเมื่อเกิดในกิ่งส้ม จะเกิดกับใบเพสลาด อาการเริ่มแรกเป็นแผลจุดขนาดเล็กสีเหลืองอ่อน ต่อมาจะขยายใหญ่นูนขึ้นสีน้ำตาลเข้ม มักจะเกิดด้านใต้ใบกระจายทั่วทั้งใบ เวลาลูบจะรู้สึกสากมือ แต่ถ้าในกิ่งอาการเริ่มแรกจะคล้ายกับแผลบนใบ เมื่อเป็นมากขึ้นแผลจะแตกเป็นสะเก็ดนูน และทำให้กิ่งเริ่มแห้งตายไป
- โรคกรีสซีเมลาโนส เชื้อรา Cercospora citri จะเข้าทำลายใบในขณะที่ยังเป็นใบอ่อน แผลมีลักษณะเป็นจุดใสเล็กๆ เกิดได้ทั้งด้านใต้ใบและบนใบ ต่อมาแผลจะเปลี่ยนสีเป็นสีเหลืองปนเขียวหรือสีน้ำตาล เมื่อใบแก่จุดนูนนี้จะขยายใหญ่มีสีน้ำตาลหรือสีดำ เมื่อลูบจะไม่รู้สึกสากมือเหมือนเมลาโนส
- โรคใบปื้นเหลือง เชื้อรา Cercospora citri จะเข้าทำลายใบ โดยใบส้มจะเกิดอาการเหลืองเป็นแต้มๆ หรือแถบๆ ทั้งด้านใบและใต้ใบ อาจพบตุ่มหรือจุดนูนสีครีมหรือสีน้ำตาลอ่อนอยู่บนแต้มสีเหลือง โรคนี้จะทำให้ใบร่วงมาก และทำให้ยอดแห้งตาย
นอกจากโรคดังกล่าวข้างต้นแล้ว อาจพบโรคอีกชนิดหนึ่งเรียกว่า “โรคสตาร์เมลาโนส หรือ โรคเมลาโนสรูปดาว” เป็นโรคที่เกิดบนใบทีเกิดโรคเมลาโนสแล้วมีการใช้สารป้องกันกำจัดศัตรูพืชพวกสารประกอบของคอปเปอร์ ไม่ถูกต้อง เช่น เมื่อเกิดโรคเมลาโนสระบาดแล้ว ใช้สารในอัตราที่เข้มข้นเกินไป หรือใช้ฉีดพ่นบ่อยเกินไป จะทำให้แผลจุดนูนของโรคเมลาโนสแตกเป็นสะเก็ดสีน้ำตาลมีลักษณะเป็นแฉกๆ คล้ายรูปดาว ขนาดของแผลมีตั้งแต่ขนาดเล็กถึงขนาดใหญ่ โดยทั่วไปโรคนี้จะไม่ทำให้เกิดความเสียหายมากนัก ยกเว้นกรณีที่เกิดแผลบนผลส้ม อาจเป็นสาเหตุทำให้ผลส้มแตกได้
การแพร่ระบาด
สำหรับโรคเมลาโนสซึ่งมีสาเหตุเกิดจากเชื้อรานั้นจะแพร่ระบาดโดย สปอร์ซึ่งเชื้อราสร้างขึ้นปลิวไปกับลมติดไปกับน้ำหรือน้ำฝนหรือติดไปกับกิ่งพันธุ์
ส่วนโรคสตาร์เมลาโนสเป็นโรคที่เกิดจากโรคเมลาโนสและใช้สารประกอบคอปเปอร์ผิดวิธี จึงเป็นโรคที่ไม่ระบาด
การป้องกันกำจัดโรคเมลาโนสที่เกิดจากเชื้อรา
- เก็บกิ่ง ใบ ผล ในสวนส้มที่เป็นโรค เพื่อป้องกันการระบาด หรือเป็นการทำลายแหล่งเพาะเชื้อสาเหตุ
- แต่งทรงต้นไม้ให้โปร่งไม่รกทึบ เพื่อให้การถ่ายเทอากาศสะดวกและแสงแดดส่องเข้าถึงกำจัดวัชพืชในสวนส้มออกให้หมดเพื่อลดความชื้น และลดแหล่งเพาะเชื้อสาเหตุ
- ฉีดพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดเชื้อรา ซอร์บา (อะซอกซีสโตรบิน 25%W/V SC) อัตรา 5-10 ซีซี ผสมร่วมกับฟิกเซอร์ 408 อัตรา 2 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร เพื่อเพิ่มประสิทธิการดูดซึมและแผ่กระจายของยา ฉีดพ่นห่างกัน 7-10 วัน/ครั้ง เพื่อป้องกันโรค และ 5-7 วัน/ครั้ง เมื่อพบการระบาดของโรค ควรฉีด 2-3 ครั้งติดต่อกัน เพื่อหยุดการระบาดของโรค
- ใช้วีเกอรา เอสแอล (อิมิดาคลอพริด 10% W/V SL) กำจัดเพลี้ยไฟก่อนที่จะกำจัดเชื้อราโดยฉีดพ่น 3 ครั้งติดต่อกันห่างกัน 3 วัน
*ในการฉีดพ่นสารป้องกันกำจัดเชื้อราและแมลงศัตรูพืช ควรฉีดพ่นให้ทั่วทั้งต้น โดยเฉพาะด้านใต้ใบ ซึ่งเป็นที่ที่มีการเข้าทำลายของเชื้อราสาเหตุโรคพืช
บทความอ้างอิง : “โรคส้ม...ตอนที่สอง” โดยนางสาวอำไพวรรณ ภราดร์นุวัฒน์