“เศรษฐกิจพอเพียง” หนึ่งในพระราชดำรัสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงมีพระประสงค์ให้ชาวไทยนำไปปรับใช้ในชีวิต เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
โดยเศรษฐกิจพอเพียง คือ ปรัชญาที่แนะนำเกี่ยวกับเรื่องการใช้ชีวิต ความเป็นอยู่ของคนในสังคมทุกระดับชั้น ไม่ว่าจะเป็นระดับครอบครัว ชุมชน รวมไปถึงระดับรัฐบาลที่ดูแล พัฒนาบริหารประเทศ โดยปรัชญาของในหลวง ร.9 มีความหมายว่า การดำเนินชีวิตบนทางสายกลาง นั่นคือ มีความพอประมาณ ความมีเหตุมีผล และการมีภูมิคุ้มกันในตัวเองที่ดีซึ่งถือเป็นความจำเป็นอย่างมาก
ซึ่งในการนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในการทำการเกษตรนั้นไม่ใช้เรื่องยาก แต่ต้องลงมือทำด้วยการทำสวนแบบพอเพียงที่ประยุกต์มาจาก "เกษตรทฤษฎีใหม่" ซึ่งในหลวง รัชกาลที่ 9 ได้พระราชทานพระราชดำรัสไว้เพื่อให้เกษตรกรอยู่แบบพึ่งพาตนเองได้ในทุกสถานการณ์ ด้วยวิธีการจัดการทรัพยากรให้คุ้มค่าอย่างยั่งยืน
♥ การแบ่งพื้นที่ในสวนให้เหมาะสมและคุ้มค่า
เกษตรกรต้องสำรวจพื้นที่ในสวนด้วยการตรวจสภาพดิน ทิศทางแสงแดด และลม จากนั้นก็เริ่มแบ่งพื้นที่ในสวนตามเกษตรทฤษฎีใหม่จากสูตร 30:30:30:10 ซึ่งใช้หลักแนวทางการทำการเกษตรผสมผสาน ให้ง่ายและเหมาะสมกับพื้นที่ของเราเอง โดยปรับเป็นโซนแปลงผักสวนครัว โซนสมุนไพร โรงเรือนเห็ด ฟาร์มสัตว์เล็ก ๆ (เล้าไก่หรือฟาร์มไส้เดือนไซส์มินิ) และบ่อน้ำหลัก แต่ถ้าหากพื้นที่คับแคบเกินไปก็ไม่จำเป็นจะต้องแบ่งตามนี้ทุกประการ เลือกเฉพาะโซนที่เหมาะสมกับบ้านเราเท่านั้นก็ได้
ข้อดีของการทำการเกษตรผสมผสาน
✅ ช่วยให้เกิดความมั่นคงด้านรายได้ต่อเกษตรกรและครอบครัว
✅ ช่วยลดการพึ่งพาด้านเงินทุน ปัจจัยการผลิต และอาหารจากภายนอก
✅ ช่วยให้เกิดการประหยัด ค่าใช้จ่ายในไร่นาลดลง มีรายได้สุทธิเพิ่มมากขึ้น
✅ ช่วยเพิ่มรายได้จากพื้นที่เกษตรขนาดย่อยที่จำกัด
✅ ช่วยเพิ่มพูนความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ ลดการทำลายสิ่งแวดล้อม
สิ่งเหล่านี้จะช่วยทำให้เกษตรกรสามารถพึ่งพาตัวเองได้มากขึ้น
วิธีการแบ่งสัดส่วนกิจกรรมเกษตรระบบผสมผสาน
เกษตรผสมผสานเป็นแนวทางหรือหลักในการบริหารจัดการที่ดินและน้ำเพื่อการเกษตรในที่ดินขนาดเล็กให้เกิดประโยชน์สูงสุดด้วยหลักเศรษฐกิจพอเพียง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระราชดำรินี้เพื่อเป็นการช่วยเหลือเกษตรกร การจัดการพื้นที่แบ่งได้เป็น 4 ส่วน คือ 30:30:30:10 ดังนี้
♥♥ ขุดสระเก็บกักน้ำ
พื้นที่ประมาณ 30% ให้ขุดสระเก็บกักน้ำ เพื่อให้มีน้ำใช้ สม่ำเสมอตลอดปี โดยเก็บกักน้ำฝนในฤดูฝน และใช้เสริมการปลูกพืชในฤดูแล้ง หรือระยะฝนทิ้งช่วง ตลอดจนการเลี้ยงสัตว์ และพืชน้ำต่างๆ เช่น ผักบุ้ง ผักกระเฉด โสน ฯลฯ
♥♥ ปลูกข้าว
พื้นที่ประมาณ 30 % ให้ปลูกข้าวในฤดูฝน เพื่อใช้เป็นอาหารประจำวันสำหรับครัวเรือนให้เพียงพอตลอดปี โดยไม่ต้องซื้อหาในราคาแพง เป็นการลดค่าใช้จ่าย และสามารพึ่งตนเองได้
♥♥ ปลูกผลไม้ ไม้ยืนต้น พืชไร่ พืชผัก
พื้นที่ประมาณ 30 % ให้ปลูกไม้ผล ไม้ยืนต้น พืชไร่ พืชผัก พืชสมุนไพร ฯลฯ อย่างผสมผสานกัน และหลากหลายในพื้นที่เดียวกัน เพื่อใช้เป็นอาหารประจำวัน หากเหลือจากการบริโภคก็นำไปขายได้
♥♥ เป็นที่อยู่อาศัย และอื่นๆ
พื้นที่ประมาณ 10 % ใช้เป็นที่อยู่อาศัย เลี้ยงสัตว์ ถนนหนทาง คันดิน โรงเรือนและสิ่งก่อสร้างอื่นๆ รวมทั้งคอกเลี้ยงสัตว์ เรือนเพาะชำ ฉางเก็บผลิตผลการเกษตร ฯลฯ นี่เป็นทฤษฎีปฏิบัติจริง พื้นที่เป็นนาทั้งหมดหรือไร่สวนด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก
เว็ปไซต์ หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง